เวลาเล่นเกม แล้วเคยรู้สึกเหมือนกำลังดูหนังดีๆ สักเรื่องมั้ย? แบบที่อินกับตัวละคร หยุดเล่นไม่ได้ และบางฉากก็ทำเอาน้ำตาซึมเฉยเลย ถ้าคุณเป็นสายเสพเนื้อเรื่อง บทความนี้เรารวมมาให้แล้วกับ 10 เกมที่เนื้อเรื่องดีจริง ดีจนลืมไปเลยว่านี่คือเกม ไม่ใช่หนัง ทั้งแนวดราม่า ผจญภัย ไซไฟ และโลกหลังหายนะ ที่การเดินเรื่อง การแสดงออกของตัวละคร ไปจนถึงซาวด์ประกอบ ทำให้เกมเหล่านี้ “ไม่ใช่แค่เกม” อีกต่อไป แต่เป็นประสบการณ์แบบหนังดีๆ ที่เล่นเกมจบแล้วเหมือนได้ดูหนังจบเรื่องนึง
Part I พาผู้เล่นเข้าสู่โลกหลังการระบาดของไวรัสที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นซอมบี้ เรื่องราวเริ่มจาก Joel ชายวัยกลางคนที่สูญเสียลูกสาวในวันแรกของหายนะ และ Ellie เด็กสาวที่อาจเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ เพราะเธอมีภูมิต้านทานต่อไวรัส ทั้งคู่ต้องเดินทางข้ามประเทศท่ามกลางอันตรายรอบตัว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดกลับไม่ใช่ปลายทาง คือ “ความผูกพัน” ที่ก่อตัวขึ้นระหว่างคนสองคนที่ไม่เหลือใคร และคำถามศีลธรรมที่ไม่มีคำตอบง่ายๆ
Part II เล่าเรื่องต่อจากภาคแรกหลายปีให้หลัง โดยเนื้อหาจะมีความเข้มข้นและดาร์กยิ่งขึ้น ธีมหลักของภาคนี้คือ “ความแค้น” ผู้เล่นจะได้มองเหตุการณ์จากหลายมุม ทั้งฝ่ายที่ล่าและฝ่ายที่ถูกล่า ไม่มีใครดีหมดหรือเลวล้วน แถมเนื้อเรื่องยังสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน ทำให้เราได้เข้าใจตัวละครลึกขึ้น พร้อมตั้งคำถามว่า "สุดท้ายแล้ว...ใครกันแน่ที่ถูก?" โดยเนื้อเรื่องของเกมนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นซีรีส์ที่ฉายบน MAX
คุณจะได้สวมบทเป็น Arthur Morgan สมาชิกแก๊งอาชญากรในช่วงปลายยุคคาวบอยอเมริกัน ในโลกที่ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง กฎหมายเริ่มมีอำนาจมากขึ้น แก๊งเริ่มสั่นคลอน และอิสรภาพที่เคยมี ก็เริ่มหายไปทีละนิด เกมเล่าเรื่องของชีวิต ความจงรักภักดี การเปลี่ยนผ่าน และการเผชิญหน้ากับอดีต ตัวละครแต่ละตัวไม่ได้มีแค่บทบาทประกอบ แต่ “มีมิติ” มีบทพูดที่หนักแน่น และทุกการตัดสินใจของคุณจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคนในแก๊ง รวมถึงจุดจบของเรื่องราว เนื้อเรื่องค่อยๆ พัฒนาไปอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านทั้งฉากแอ็กชัน และช่วงเงียบๆ ที่กินใจไม่แพ้กัน
Life is Strange เป็นซีรีส์เกมที่เน้นการเล่าเรื่องลึกและจริงใจ โดยให้ผู้เล่นเลือกทางเดินของตัวเอง และทางเลือกนั้นก็ส่งผลต่อเนื้อเรื่องจริงๆ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนบทพูด แต่ละภาคจะมีตัวละครและธีมที่ต่างกัน แต่สิ่งที่เชื่อมกันไว้คือ “ความเป็นมนุษย์” ของเรื่องราว ทั้งความสัมพันธ์ การเติบโต ความสูญเสีย และการให้อภัย ทุกประเด็นถูกเล่าแบบเรียบง่ายแต่จริงจัง จนหลายคนรู้สึกเหมือนได้เติบโตไปพร้อมกับตัวละคร
ภาค 1 เราจะได้เล่นเป็น Max เด็กสาวช่างภาพที่ค้นพบว่าตัวเองมีพลังย้อนเวลา เธอพยายามใช้พลังนี้เพื่อช่วยเพื่อนสนิทอย่าง Chloe และสืบหาความจริงเบื้องหลังการหายตัวไปของเด็กสาวคนหนึ่งในเมืองเล็กๆ ที่ดูเงียบสงบ แต่กลับเต็มไปด้วยความลับที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง
ภาค Before the Storm คือพรีเควลของภาคแรกที่พาเราย้อนกลับไปก่อนเหตุการณ์ทั้งหมดจะเริ่ม โดยครั้งนี้เราจะได้เล่นเป็น Chloe เด็กสาวหัวขบถที่กำลังเผชิญกับช่วงชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การจากไปของพ่อ ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวกับแม่ และการได้พบกับ Rachel Amber เด็กสาวลึกลับที่กลายมาเป็นเหมือนแสงสว่างเดียวในโลกที่กำลังพัง ภาคนี้ไม่มีพลังพิเศษ ไม่มีการย้อนเวลา มีแค่ “ความรู้สึกจริงๆ” ของตัวละครล้วนๆ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้มันกินใจไม่แพ้ภาคหลักเลย
ภาค True Colors เราจะได้เล่นเป็น Alex Chen หญิงสาวผู้มีพลังพิเศษในการ “รับรู้อารมณ์ของคนอื่น” ผ่านสีและพลังงานรอบตัว หลังจากพี่ชายของเธอเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง Alex ต้องใช้ทั้งพลังและหัวใจ ค่อยๆ คลี่คลายความจริงที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง เกมภาคนี้เล่าเรื่องอย่างนุ่มลึก อบอุ่น และบรรยากาศที่ทั้งสวยงามและให้ความรู้สึกเหงาในเวลาเดียวกัน
God of War ภาค 2018 คือการรีบูตตัวเองครั้งใหญ่จากเกมแอ็กชันเลือดสาด สู่เรื่องราวเชิงลึกของ “พ่อกับลูก” ที่ต้องเดินทางฝ่าดินแดนของเหล่าเทพเจ้านอร์ส เนื้อเรื่องให้ความเงียบ ขรึม และอารมณ์ที่ไม่ต้องพูดเยอะ แต่รู้สึกได้ทุกก้าว เราจะได้เล่นเป็น Kratos เทพสงครามที่มีอดีตแสนโหดร้าย และ Atreus ลูกชายที่ยังไร้เดียงสา การเดินทางของทั้งคู่ไม่ได้มีแค่ศัตรูภายนอก แต่คือการเรียนรู้ซึ่งกันและกันในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในซีรีส์นี้
ภาค Ragnarok สานต่อเรื่องราวจากภาคก่อนหน้า โดยพาเราไปเห็นการเติบโตของ Atreus ที่ไม่ใช่แค่ตัวสูงขึ้น แต่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง กับโชคชะตา และกับสิ่งที่เขาอยากเป็นในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน คราวนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของเทพกับสงครามอีกต่อไป แต่มันคือเรื่องของ “พ่อกับลูก” ที่ต้องเรียนรู้จะเข้าใจกันและยอมรับในความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย ทั้ง Kratos ที่ต้องละทิ้งอดีตเพื่อเป็นพ่อที่ดีกว่าเดิม และ Atreus ที่ต้องค้นหาตัวเองโดยไม่หลงทางจากหัวใจ
โลกในปี 2038 ดูเหมือนจะก้าวหน้าไปไกล หุ่นยนต์แอนดรอยด์ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้มนุษย์ และเชื่อฟังโดยไม่มีคำถาม แต่บางตัว...เริ่มมีความรู้สึกเหมือนกับคน และเริ่มตั้งคำถามกับคำสั่งที่เคยคิดว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เพราะเมื่อหุ่นเริ่มคิดได้เหมือนมนุษย์ โลกก็จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
คุณจะได้เล่นเป็นตัวละครหลัก 3 ตัว
ทุกการตัดสินใจของคุณจะมีผลต่อเนื้อเรื่องและชะตากรรมของโลกในแบบที่ไม่มีคำตอบที่ถูกเสมอไป
ในบทบาทของ Geralt of Rivia นักล่ามอนสเตอร์สุดเท่ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด คุณจะได้ออกเดินทางตามหา Ciri เด็กสาวที่เปรียบเสมือนลูกบุญธรรม ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยการเมือง สงคราม เวทมนตร์ และการตัดสินใจที่ไม่มี “ถูกหรือผิด” แบบชัดเจน สิ่งที่ทำให้ The Witcher 3 โดดเด่นไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องหลักที่เข้มข้น แต่คือ ภารกิจย่อย (Side Quests) ที่เขียนมาอย่างละเอียดจนบางครั้ง “กินขาดเนื้อเรื่องหลัก” ทุกการเลือกของคุณส่งผลต่อทั้งคนรอบข้างและจุดจบของเกมที่มีหลากหลายรูปแบบ
ใน Firewatch คุณจะได้เล่นเป็น Henry ชายวัยกลางคนที่เลือกหนีจากชีวิตอันวุ่นวาย มาเป็นเจ้าหน้าที่เฝ้าป่าในรัฐไวโอมิง หลังภรรยาของเขาล้มป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ ที่นั่นเขาติดต่อกับเพื่อนร่วมงานชื่อ Delilah ผ่านวิทยุเท่านั้น และความสัมพันธ์ที่เริ่มจากบทสนทนาแบบทำหน้าที่ ก็ค่อยๆ ลึกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เกมนี้ไม่มีฉากต่อสู้ ไม่มีปริศนาซับซ้อน แต่ใช้ธรรมชาติและความเงียบเป็นฉากหลังในการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยคำถาม ความเหงา และความรู้สึกที่ไม่เคยพูดออกมา Henry ไม่ได้แค่เฝ้าป่า เขากำลังเฝ้าจิตใจของตัวเองอยู่ด้วย และเรากำลังตามเขาไปค้นหาคำตอบที่อาจไม่มีจริง
คุณจะได้สวมบทเป็น Senua นักรบหญิงชาวเซลติกที่ออกเดินทางฝ่าแดนแห่งความตาย เพื่อชิงวิญญาณของคนรักกลับคืนมา แต่ศัตรูที่เธอเผชิญกลับไม่ใช่แค่ปีศาจหรือสิ่งลี้ลับภายนอก หากคือ “เสียงในหัว” ของเธอเอง Hellblade ไม่ได้เล่าเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างเดียว แต่พาผู้เล่นเข้าไปสัมผัสกับภาวะ สุขภาพจิต และ โรคทางจิต (Psychosis) อย่างลึกซึ้ง ทุกอย่างในเกมทั้งเสียงกระซิบ ภาพหลอน และความเงียบที่บีบคั้น ล้วนถูกออกแบบมาให้คุณไม่แค่เห็น แต่รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในหัวของ Senua จริงๆ
Booker DeWitt ชายที่มีภารกิจ “นำเด็กสาวชื่อ Elizabeth ออกมาจากเมืองลอยฟ้า Columbia” เพื่อชดใช้หนี้บางอย่าง แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ทุกอย่างเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องเวลา มิติ และตัวตน เกมเล่าเรื่องแนวไซไฟที่ผสมแนวปรัชญา ศาสนา และการเมืองได้อย่างเข้มข้น พร้อมการหักมุมระดับอ้าปากค้าง ซึ่งเปลี่ยนมุมมองของทั้งเกมแบบไม่ทันตั้งตัว ถ้าใครชอบเรื่องแบบ Inception หรือ Interstellar นี่คือเกมที่คุณห้ามพลาด
Lee Everett อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ชีวิตพลิกผันกลายมาเป็นผู้รอดชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ วันหนึ่งเขาได้พบกับ Clementine เด็กหญิงตัวเล็กที่ต้องเอาตัวรอดเพียงลำพัง และตัดสินใจรับเธอไว้ในการดูแล การเดินทางของทั้งคู่ไม่ใช่แค่เรื่องของการหลบหนีจากความตาย แต่คือการเรียนรู้ การไว้ใจ และการเติบโตของ “ความผูกพันแบบพ่อ-ลูก” ที่ค่อยๆ ลึกขึ้น จนกลายเป็นหัวใจของเรื่องทั้งหมด
สิ่งที่ทำให้ The Walking Dead ภาคแรก กลายเป็นตำนาน ไม่ใช่เพราะซอมบี้ หรือฉากลุ้นระทึก แต่มาจาก “การเล่าเรื่อง” ที่ตรงไปตรงมาแต่บีบหัวใจ ทุกการตัดสินใจของคุณส่งผลทันทีแบบไม่ให้ตั้งตัว และที่โหดคือ บางสถานการณ์ไม่มีทางเลือกที่ดีเลยจริงๆ
เกมนี้ไม่ได้แค่พูดถึงโลกหลังหายนะที่เต็มไปด้วยซอมบี้ แต่สะท้อนให้เห็นว่า “สิ่งที่น่ากลัวที่สุด อาจไม่ใช่ซอมบี้ หรือความตาย แต่คือคนที่เปลี่ยนไป” ต่างหาก
จบไปแล้วกับลิสต์ 10 เกมเนื้อเรื่องโคตรดี ที่หลายคนเล่นแล้วถึงกับอินจนลืมไปเลยว่านี่คือเกม ไม่ใช่หนัง แต่ละเรื่องมีเสน่ห์ของตัวเอง บางเกมก็ซึ้ง บางเกมก็เจ็บ บางเกมก็บีบใจแบบเงียบๆ จนต้องนั่งคิดตาม ถ้าคุณเป็นสายเสพเนื้อเรื่อง ชอบอะไรที่มากกว่ากดปุ่มรัวๆ เกมพวกนี้คือของดีที่ควรเล่นให้จบสักเรื่องในชีวิต เพราะบางที เรื่องราวดีๆ ไม่ได้มาจากหนังหรือซีรีส์เสมอไป แต่อาจซ่อนอยู่ในเกมที่คุณยังไม่ได้ลอง
หากเกมอยากเล่นเกมที่มีเนื้อเรื่องดีไม่แพ้หนัง หรือเปิดให้เล่นในภูมิภาค ถูกบล็อก VPN4Games VPN สำหรับเกมโดยเฉพาะ ช่วยลดปิง แก้แลค และเพิ่มความเสถียรให้กับการเล่นเกมออนไลน์ มีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกมากกว่า 100 เซิร์ฟเวอร์ใน 20 ประเทศทั่วโลก รองรับการเล่นเกมจากทุกภูมิภาค ใช้งานได้ง่าย